ส่องแอร์พอร์ตลุค!! ‘จีมิน-เจโฮป-แทยัง-โฮชิ’ ลัดฟ้าร่วมงานปารีสแฟชั่นวีค 19/01/2023 Thomas Griffin ชวนมาติดตามแอร์พอร์ตลุคของซุปตาร์ชายหนุ่มฮอตแห่งวงการเพลงเคป็อปที่ล่าสุด ตบเท้าลัดฟ้าสู่กรุงปารีสเพื่อร่วมอีเวนต์แฟชั่นระดับโลก!! เรียกว่าเวลานี้ถนนทุกสายมุ่งสู่มหานครปารีส นครหลวงแห่งแฟชั่น ณ ดินแดนน้ำหอมประเทศฝรั่งเศส เมื่อล่าสุดปรากฎภาพของทัพศิลปินไอดอลเคป็ฮปตัวท็อปที่สนามบินนานาชาติอินชอน เพื่อลัดฟ้าเข้าร่วมงานปารีสแฟชั่นวีค (Paris Fashion Week) กันแบบรัว ๆ โดยคนล่าสุดเริ่มเดินทางเมื่อตอนสาย (18 เดือนมกราคม 65) ก็คือ “จีมิน BTS” (Jimin) แจ็คเก็ตกันหนาวสีเขียวครีมจับคู่กางเกงเดอนิมกับหมวกบินนี่สีดำและก็แว่นสายตาเลนส์สีชมพูสดใส แน่นอนว่า Paris Fashion Week ครั้งนี้ “จีมิน” จะเป็นหนึ่งในตัวเด่นของแฟชั่นโชว์เปิดคอลเลกชั่นใหม่ของแบรนด์ “ดิออร์” (Dior) หลังจากพึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็น Global Brand Ambassador คนใหม่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (16 มกราคม 66) อีกหนึ่งคนมาในลุคที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาอาทิเช่น สำหรับ “เจโฮป BTS” (J-Hope) ออกเดินทางไปก่อนหน้า “จีมิน” เพื่อนร่วมวงราว 2-3 ชั่วโมง โดย “พี่โฮป” ของแฟน ๆ มาในสเว็ตเตอร์สีขาวครีมพิมพ์ลายการ์ตูนแสนสดใส จับคู่กางเกงเดอนิมโทนสีน้ำเงินอมม่วงรวมทั้งหมวกสีดำ เมื่อรวมเข้ากับท่าทางแดนซ์เดินมาหากล้องสื่อรวมทั้งแฟนคลับก็ทำเอาแฟนคลับอดยิ้มไม่ได้ทุกคราวที่เจอชายหนุ่มคนนี้ ส่วนอีก 2 คนที่ออกเดินทางไปในตอนเวลาไล่เลี่ยกัน ยังมี “โฮชิ SEVENTEEN” (Hoshi) ตี๋กิมจิสุดคิวต์ที่มาในโค้ทกันหนาวตัวยาวสีขาวครีม ส่งยิ้มรวมทั้งมอบหัวใจให้แฟนคลับไม่หยุด รวมทั้ง “แทยัง BIGBANG” (Taeyang) ไอดอลรุ่นพี่และช่วงนี้ เป็นคุณพ่อลูกอ่อน มาในลุค All Black ดำอีกทั้งสุดรวมทั้งกระเป๋าแล้วก็แว่นตากันแดด ตัดฉบับกับผมสีบลอนด์ทองคำ บอกเล่นว่า Paris Fashion Week ทางฝั่งแฟชั่นบุรุษปีนี้ฮอตไม่ไหว แฟนคลับรอติดตามกันได้เลย จีมิน BTS ได้รับเลือกเป็น Global Ambassador คนปัจจุบันของแบรนด์ Dior Dior ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการผ่าน Instagram แต่งตั้งให้ จีมิน BTS ขึ้นเป็น Global Ambassador คนล่าสุดของแบรนด์ ซึ่งถือเป็นการเดินหน้าสานต่อมิตรภาพระหว่าง คิม โจนส์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์คอลเล็กชั่นบุรุษ ที่เคยออกแบบชุดบนสเตจในปี 2019 ให้กับเหล่าหนุ่ม ๆ BTS เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา Dior ได้โพสต์ภาพผ่านบัญชีทางการ พร้อมแนะนำ จีมิน BTS ในฐานะ Global Ambassador คนใหม่ ด้วยภาพลักษณ์ที่น่าประทับใจและเป็นที่จดจำไปทั่วทั้งโลก โดย จีมิน BTS ได้สวมลุคหนุ่มสปอร์ตสายลุย หลงใหลในกิจกรรมกลางแจ้ง พร้อมแสดงถึงเสน่ห์อันทรงพลังและก็ภาพจำที่น่าดึงดูด ผ่านชุดคอลเล็กชั่น #DiorSummer23 ซึ่งออกแบบโดย คิม โจนส์ ส่งตรงถึงเหล่า ๆ แฟนได้อย่างลักชูรี่และมีสไตล์ ในขณะเดียวกันเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา จีมิน BTS ได้ร่วมโซโล่ในอัลบั้มชุดใหม่ของ แทยัง BIGBANG ในชื่อ “VIBE” ซึ่งกวาดชาร์ต iTunes ไปทั่วทั้งโลก โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่า จีมิน BTS จะปล่อยอัลบั้มเดี่ยวในเดือนหน้า แต่ทางต้นสังกัดได้เผยเกี่ยวกับหัวข้อนี้ว่า “กำหนดการปล่อยเพลงจะถูกเปิดเผยอีกรอบเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว” เรื่องน่าสนใจของ Jimin นางฟ้ารวมทั้งผู้จุดความสว่างแก่ BTS ปาร์ค จีมิน (Park Ji Min) หรือที่แฟนคลับรู้จักกันในนาม จีมิน (Jimin) เกิดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ปี 1995 เป็นนักร้อง, นักแต่งเพลง รวมทั้งนักเต้นชาวประเทศเกาหลีใต้ แล้วก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของวงบอยแบนด์มีชื่อเสียง BTS สังกัดค่าย Big Hit Music จีมิน ได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการในฐานะสมาชิกของ BTS ในวันที่ 13 มิถุนายน ปี 2013 ด้วยการปล่อยซิงเกิ้ล “No More Dream” โดยในวง BTS นั้นทาง จีมิน อยู่ในตำแหน่งของนักร้องและก็นักเต้น ซึ่งเขาได้ปล่อยเพลงเดี่ยวออกมา 3 เพลงกับวง BTS คือเพลง “Lie” จากอัลบั้ม Wings (2016), “Serendipity” จากอัลบั้ม LOVE YOURSELF 承 ‘Her’ (2017) แล้วก็ “Filter” จากอัลบั้ม Map of the Soul: 7 (2020) และในเดือนพฤษภาคม ปี 2019 มิวสิควิดีโอเพลง “Serendipity” นี้ก็ได้ทำให้ จีมิน กลายเป็นสมาชิกวง BTS คนแรกที่มีมิวสิควิดีโอเพลงเดี่ยวที่ทำยอดวิวบน YouTube สูงถึง 100 ล้านวิว ทำลายกรอบเรื่องเพศ สร้างแรงบันดาลใจให้แฟน ๆ จีมิน (Jimin) BTS ถูกพูดถึงในบทความของนิตยสาร Harper’s Bazaar ประเทศญี่ปุ่น “ยุคที่ผู้ชายก้าวข้ามขอบเขตและสวมใส่ต่างหู” บทความดังกล่าวพูดถึงปีที่ผ่าน ๆ มา เรื่องค่านิยมของความเป็นผู้ชายที่ผ่อนลง แบรนด์ดังอย่าง Chanel ก็ขายเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายแล้ว ในขณะที่ Gucci แล้วก็ Balenciaga ได้แนะนำเครื่องประดับอัญมณีให้กับลุคการแต่งตัวของผู้ชาย หลาย ๆ แบรนด์ก็เริ่มที่จะทำลายกรอบของเพศชายเช่นกัน จีมินถูกพูดถึงร่วมกับคนที่ใคร ๆ ก็รู้จักที่เป็นที่รู้จักคนอื่น ยกตัวอย่างเช่น Harry Styles และ Nick Jonas ในเรื่องการสวมต่างหู คำบอกเล่าจาก ‘คุณพ่อของ จีมิน BTS’ ที่เลือกสนับสนุนความฝันของลูกชายอย่างสุดความสามารถ เป็นที่รับทราบกันเป็นอย่างดีในทั่วทุกมุมโลกแล้วว่า ศิลปินเคป๊อปที่มีนามว่า ‘BTS’ นั้นมีทั้งอิทธิพล ความสามารถ และกระแสความโด่งดังที่แพร่กระจายไปในสังคมของแต่ละประเทศอย่างกว้างขวางมากขนาดไหน แต่อย่างไรก็ดี กว่าที่สมาชิกแต่ละคนของวง ‘BTS’ จะกลายมาเป็นปัจจุบันอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้นั้น แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวเบื้องหลังของการได้มาซึ่งโอกาสในการเดบิวต์ในฐานะไอดอลเคป๊อปจากวงการบันเทิงประเทศเกาหลีใต้ ที่เรียกได้ว่าเป็นด่านทดสอบที่โหดหิน และยากลำบากแบบสุด ๆ ที่เด็กธรรมดาคนหนึ่งต้องพยายามอย่างสุดความสามารถที่มี เพื่อฝ่าฟันไปให้จงได้ และในวันนี้ หนึ่งในผู้ปกครองของศิลปินเคป๊อป ที่สามารถเอาชนะอุปสรรค ขวากหนาม และความยากลำบากต่าง ๆ ไปได้ และได้กลายเป็นหนึ่งในศิลปินเคป๊อปที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในปัจจุบัน อย่าง ‘คุณพ่อของจีมิน’ หนึ่งในสมาชิกวง ‘BTS’ นั้นก็ได้ร่วมนั่งจับเข่า พูดคุยสัมภาษณ์กับทีมงานฝ่ายนิตยสารของ ‘Busan High School of Arts’ หรือโรงเรียนที่ ‘จีมิน’ เคยศึกษาอยู่ก่อนหน้าการย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโซล เกี่ยวกับ ‘ความฝันในการเป็นศิลปินเคป๊อป’ ของลูกชายของเขา เริ่มแรก ทางทีมงานได้เริ่มเอ่ยปากถาม ‘คุณพ่อของจีมิน’ เกี่ยวกับ ‘ทักษะความสามารถ’ ของลูกชายของเขาว่ามีรายละเอียดความเป็นมาอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้อสงสัยที่ว่า สิ่งใด หรือเหตุผลอันใดที่ทำให้เด็กชายคนหนึ่งที่มีประสบการณ์ และทักษะความชำนาญด้านการเต้นรำแบบ ‘Modern Dance’ กลายมาเป็นเด็กชายที่สนใจในโลกของ ‘เคป๊อป’ ในกรณีนี้ ‘คุณพ่อของจีมิน’ ได้ให้คำตอบว่า “อย่างแรกเลย ขอให้ผมได้เล่าก่อนว่าทำไม พวกเราถึงตัดสินใจที่จะรับฟัง และตอบรับต่อความต้องการของ ‘จีมิน’ ที่ในขณะนั้นมีความต้องการที่จะเข้าศึกษาที่ ‘Busan High School of Arts’ เอามาก ๆ นะครับ – ณ ตอนนั้น อายุของ ‘จีมิน’ ถือว่าอยู่ในช่วงสุดท้ายของการเป็นนักเรียนมัธยมปีที่ 2 (ม. 2 หรือ Middle School) แล้วครับ ซึ่งในตอนนั้น ‘จีมิน’ ก็ได้ทำการเขียนเรียงความบอกเล่าเกี่ยวกับความต้องการในอนาคตของเขา และนำมาให้พวกเรา (คุณพ่อ และคุณแม่) ดูครับ” “ในกระดาษแผ่นนั้น เขาได้แสดงออกถึงความต้องการว่า หลังจากนี้ เขาต้องการเรียนการเต้นแบบ ‘Modern Dance’ (ในช่วง High School) เพื่อที่จะได้นำความรู้เกี่ยวกับ ‘Modern Dance’ มาประยุกต์เข้ากันกับ ‘(ความเป็น) เคป๊อป’ หรือสิ่งที่เขากำลังให้ความสนใจอย่างมากที่สุด สุดท้าย ‘จีมิน’ ได้ทำการสรุปถึงความต้องการในอนาคตของเขาว่า ‘เขาต้องการที่จะเป็นไอดอลเคป๊อป’ ในสักวันหนึ่ง” ยิ่งไปกว่านั้น ‘คุณพ่อของจีมิน’ ยังได้กล่าวอีกว่า “ตั้งแต่เด็ก ๆ มาแล้วครับ ที่ ‘จีมิน’ สามารถทำได้ดีทั้งในเรื่องของการร้องเพลง และการเต้น ผมยังจำได้เป็นอย่างดีเลยครับถึงในช่วงตอนที่ ‘จีมิน’ อยู่ ป. 5 ผมยังจำได้อย่างขึ้นใจเลยว่า ‘จีมิน’ สามารถร้องเพลง ‘Azalea’ โดยศิลปินที่มีชื่อว่า ‘Maya’ ได้อย่างไพเราะมากขนาดไหน” แต่อย่างไรก็ตาม ‘คุณพ่อของจีมิน’ ได้เปิดเผยว่า ตัวเขาเองในตอนนั้นมีเพียงความต้องการที่จะให้ ‘จีมิน’ สนใจ และตั้งใจกับการเรียนหนังสือเท่านั้น โดยบอกเล่าผ่านคำพูดว่า “ผลการเรียนของ ‘จีมิน’ นั้นอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิชาวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เพราะแบบนั้น ผมเลยคาดหวังอยากให้ ‘จีมิน’ เข้าศึกษาต่อในโรงเรียนที่เน้นการศึกษาแบบเฉพาะทาง (Science High School) มากกว่าครับ” ถึงแม้จะวาดฝันไว้แบบนั้น แต่ ‘คุณพ่อของจีมิน’ ก็ไม่ได้ปฏิเสธความฝันของลูกชายแต่อย่างใด “ผมไม่ได้คัดค้านการทำตามความฝันของ ‘จีมิน’ ผมไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลย เพราะในกระดาษแผ่นนั้น ‘จีมิน’ ได้เขียนบอกเล่าทุกรายละเอียดอย่างครบถ้วนถึงความต้องการส่วนตัว และวิธีการที่ตัวเขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ได้มาซึ่งความต้องการดังกล่าวนั้น ‘จีมิน’ เป็นเด็กที่ทั้งสุภาพ และมีความคิดที่โตเกินวัยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะเชื่อว่า ‘จีมิน’ นั้นได้คิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผมจึงตัดสินใจที่จะให้การสนับสนุนลูกชายของผมในการเดินบนเส้นทางความฝันของเขาครับ” “จองกุก” กล่าวมาว่าในบรรดาเด็กฝึกทั้งหมด “จีมิน” คือเด็กฝึกหัดที่ทำงานอย่างหนักมากที่สุด ‘BTS’ ได้มาร่วมเผยตัวในฐานะแขกรับเชิญของรายการ You Quiz on the Block เมื่อวันที่ 24 มี.ค. หนึ่งในหัวข้อการบอกคุยที่ได้รับการหยิบยกขึ้นมาชี้แจงภายในรายการก็คือ เรื่องราวเมื่อในครั้งอดีต ที่สมาชิกทุกคนของวงยังเป็นเพียงเด็กฝึกหัดที่ต้องฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อได้มาซึ่งโอกาสในการเดบิวต์เป็นหนึ่งในวงไอดอลจากโลกเคป๊อปนั่นเอง ในกรณีนี้ ‘จีมิน’ ได้เผยเกี่ยวกับเรื่องราวในขณะเป็นเด็กฝึกหัดว่า ตัวเขานั้นได้ใช้เวลาทั้งสิ้นราว ๆ 6 เดือนเท่านั้น ในการฝึกซ้อมก่อนที่จะได้รับโอกาสในการเดบิวต์ โดย ‘จีมิน’ ได้กล่าวว่า : “เป็นเรื่องจริงนะครับ ที่หากพูดถึงช่วงระยะเวลาในการเป็นเด็กฝึกหัดแล้ว ผมมีช่วงระยะเวลาในการเป็นเด็กฝึกหัดที่สั้นกว่าเด็กฝึกหัดหลาย ๆ คนโดยทั่วไป แต่อย่างไรก็ตาม ความยากลำบากที่ผมต้องเผชิญนั้นมันก็ไม่ได้ง่าย หรือน้อยกว่าใคร ๆ เลยครับ ในตอนนั้น ผมคิดแค่เพียงว่าผมต้องทำให้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ผมกลับไม่รู้เลยว่าผมจะทำมันได้ยังไง หรือผมควรจะต้องเริ่มจากตรงไหน” ในกรณีนี้ ‘จองกุก’ ที่นั่งฟังคำบอกเล่าของ ‘จีมิน’ อยู่ข้าง ๆ จึงได้กล่าวออกมาว่า “เขา [‘จีมิน’] มักจะเข้มงวดกับตัวเองอยู่เสมอครับ ท่ามกลางเด็กฝึกหัดทั้งหมด ‘จีมิน’ คือคนที่ทำงานหนักมากที่สุดเลยครับ มันเหมือนกับว่าเขาใช้เวลานอนของเขาไปกับการฝึกฝน ‘จีมิน’ คือเด็กฝึกหัดที่ตื่นเช้าที่สุด และเป็นคนสุดท้ายที่จะไปนอนพักผ่อนเสมอครับ” เมื่อได้ฟังดังนั้น บรรดาพิธีกรประจำรายการก็เลยได้สอบถาม ‘จีมิน’ เกี่ยวกับระยะเวลาในการพักของตัวเขา ส่งผลให้ ‘จีมิน’ ได้ให้คำตอบกลับไปว่า “ผมมักจะเข้านอนตอนประมาณตี 4 ครับ และก็เวลาประมาณ 6:30 ก็คือตอนเวลาที่ผมจะตื่นขึ้นในตอนเช้าครับ ในช่วงชีวิตการเป็นเด็กฝึกหัดของผม ผมดำรงชีวิตแบบนั้นครับ” ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบจากปากของ ‘จีมิน’ นั้นได้สร้างความตกใจอย่างมากให้กับสองพิธีกรผู้ดำเนินรายการ จนกระทั่งเป็นผลให้ ‘ยู แจซอก’ ได้ถาม ‘จีมิน’ ถัดไปอีกว่า “นั่นมันยากมาก ๆ เลยไม่ใช่เหรอครับ!? คุณไม่รู้สึกเหนื่อยเหรอครับ?” แล้วก็เมื่อได้ยินโดยเหตุนี้ ‘จีมิน’ จึงได้ให้คำตอบกลับไปว่า “ในความเป็นจริงแล้ว ในตอนนั้น มันก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นนะครับ ผมมีความคิดถึงขนาดที่ว่า หรือเราควรจะนอนพักในห้องซ้อมไปเลยนะ? ด้วยครับ เพราะว่าแบบนั้น สุดท้ายแล้วผมจึงไปซื้อฟูกมาไว้ รวมทั้งเลือกที่จะนอนหลับ พักในห้องฝึกซ้อมแทนในหลาย ๆ ครั้งครับ” รวมทั้งสุดท้าย ‘จีมิน’ ยังได้กล่าวปิดท้ายบทสนทนาในประเด็นดังกล่าวนี้อีกด้วยว่า “สมาชิกคนอื่น ๆ เองก็ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลผมอย่างดีมาก ๆ เช่นเดียวกันนะครับ พวกเขาชอบพูดกับผมเสมอ ๆ ว่า ‘พวกฉันเองก็ไม่ได้เก่ง หรือเพอร์เฟคอะไรเลยนะ นายอย่ากังวลไปเลย พวกเราทุกคนจะต้องผ่านมันไปด้วยกันได้อย่างแน่นอน’ ด้วยครับ และก็แน่นอนว่า คำบอกเล่าพวกนั้นมันไม่เพียงแต่แต่ปลอบประโลมผมเท่านั้น แต่มันยังเป็นเหมือนแรงผลักดันที่ช่วยทำให้ผมมุ่งตรงต่อไปข้างหน้าได้อีกด้วยครับ” ทั้งนี้ ภายหลังระยะเวลาการฝึกฝนเพียง 6 เดือน ‘จีมิน’ ก็ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกของวง ‘BTS’ ที่ซึ่งได้รับการเปิดตัวต่อหน้าสาธารณะชนอย่างเป็นทางการเมื่อในเดือนมิถุนายน ของปี 2013